แรงอธิษฐานนี้คือพลังอันยิ่งใหญ่ สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราตั้งใจปรารถนาได้อย่างจริงจัง
นั่นคือหมายความว่า การกระทำใดๆไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี อาจจะส่งผลให้เห็นได้ทางรูปธรรมเช่น เราเอาไม้ตีหัวเพื่อนส่งผลให้เพื่อนหัวแตกเลือดไหลอาบออกจากบาดแผล กลางกระหม่อม ขณะเดียวกันในการกระทำนั้นก็ส่งผลทางนามธรรมด้วย แรงที่ไม้ตีหัวนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานภายในใจเพื่อนคือ ความโกรธ ความตกใจงุนงงสงสัย บางทีแค้นอยากจะเอาคืน พลังงานเหล่านี้อาจจะไม่ตอบสนองในทันทีแต่จะต้องส่งผลแน่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตามหลักที่กล่าวไว้แล้วว่า มวลสารและพลังงานไม่เคยสูญหายไปไหนนอกจากเปลี่ยนรูปกลับไปกลับมาเท่า นั้น และจากหลักแห่งความเชื่อมโยง เราอาจจะไม่ได้ถูกเพื่อนตีหัวคืนในทันทีผลลัพธ์กลับไปตอบสนองทางอ้อมซึ่งบาง ทีเราก็บอกไม่ได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับที่เราไปตีหัวเพื่อนอย่างไร แต่มั่นใจได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันครับ

แรงอธิษฐานก็เป็นพลังงานครับ
เป็นพลังงานทางใจที่คนส่วนใหญ่สัมผัสไม่ได้
ไม่เหมือนพลังงานไฟฟ้า ความร้อน แสง เสียง คลื่นแม่เหล็ก วิทยุ
โทรศัพท์ ฯลฯ
ซึ่งถึงแม้จะจับต้องจริงๆไม่ได้เช่นกันแต่ทุกคนยอมรับว่ามันมีจริง
แต่ก็มีบางคนสัมผัสได้นะครับว่าพลังทางใจเช่นแรงอธิษฐานนี้คือพลังอันยิ่งใหญ่
สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราตั้งใจปรารถนาได้อย่างจริงจัง
ประเด็นอยู่ที่ว่าไม่ใช่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่สามารถใช้แรงอธิษฐานดลบันดาลสิ่งที่เราปรารถนาให้เป็นจริงได้
มนุษย์ทุกคนต่างก็ทำได้เช่นเดียวกันครับโดยมีเคล็ดลับบางประการในการใช้พลังทางใจนี้ได้อย่างประสบผล
เคล็ดลับประการที่ 1 คือต้องมีศรัทธาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่เราอธิษฐานนั้นเป็นเรื่องดีงาม
สร้างสรร พัฒนาเติบโต ไม่ใช่เรื่องการทำลายล้าง อาฆาต พยาบาท
โกรธ เกลียดชิงชัง
เคล็ดลับประการที่ 2 คือแรงอธิษฐานนั้นต้องตั้งต้นจากความปรารถนาที่จะ
ให้ ให้ความรัก ความเมตตา ปรารถนาดีต่อตนเอง คนที่เรารัก สังคม
สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราทั้งที่มีชีวิตและไร้ชีวิต
เคล็ดลับประการที่ 3 คือต้องฝึกปฏิบัติให้คุ้นชินกับการหา
"ข้อดี"
ในเหตุการณ์ที่เกิดกับเราในชีวิตประจำวันให้ได้อยู่เสมอๆ
และรู้จักขอบคุณ "ข้อดี" ในเหตุการณ์นั้นๆจนเป็นนิสัย
เคล็ดลับประการที่ 4 คือขอให้เชื่อเสียงแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเรา
เสียงนั้นจะบอกว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นช่องทางนำไปสู่สิ่งที่เราอธิษฐาน
หรือบางที อยู่ๆก็เกิดโอกาสขึ้นมาให้เราโดยไม่คาดฝัน
ที่เราต้องทำคือรับโอกาสหรือช่องทางนั้นๆไว้
ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราแล้วครับคือ พยายาม พยายาม
และพยายาม
เคล็ดลับประการสุดท้าย
คือแรงอธิษฐานจะทรงพลังอย่างใหญ่หลวงถ้าผู้อธิษฐานตั้งมั่นอยู่ในแวดวงของคุณความดีทั้งกาย
วาจา ใจ อย่างน้อยก็คิดดี ทำดี พูดดี มากกว่า คิดชั่ว
ทำชั่ว พูดชั่ว ก็แล้วกันนะครับ (ข้อนี้เป็น option ดีมากก็ได้มาก
ดีน้อยก็ได้น้อยครับ)
อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการสร้างแรงอธิษฐานให้เป็นจริงได้
ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายๆท่านคงจะเคยสัมผัสปาฏิหารย์หรือคำอธิษฐานที่เป็นจริงด้วยตัวเองมาบ้างแล้ว
ถ้าสมมุติว่าแรงอธิษฐานนั้นวางอยู่บนเคล็ดลับ 4 ประการที่ผมกล่าวถึง
สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นก็จะเป็นคุณประโยชน์ต่อตัวท่านเองและสังคมโลกนี้อย่างกว้างขวาง
มาร่วมกันอธิษฐานเถอะครับ
ร่วมกันสร้างโลกและสังคมที่เราอยู่ให้ร่มเย็น
มีความสุขสดใสทั่วกันทุกๆคนนะครับ
0 comments:
Post a Comment