7.11.12

คำอธิษฐานข้ามภพข้ามชาติ




ถาม : เรื่องอธิษฐานเจ้าค่ะ เรามีคู่ในปัจจุบันชาตินี้เจ้าค่ะ แล้วเราเคยอธิษฐานว่าเราจะไม่เป็นคู่กับอีกคนหนึ่ง แล้วเราจะหยุดอธิษฐานนั้น ...คือมันต่อเนื่องมาหลายภพหลายชาติแล้ว

ตอบ : คำอธิษฐานเปลี่ยนได้จ้ะ อธิษฐานแปลว่าความตั้งใจ ถ้าเราเปลี่ยนความตั้งใจเสียก็เป็นอันว่าจบกัน

ถาม : ทีนี้ถ้าเราเปลี่ยนโดยยกเลิกคำอธิษฐานว่าจะไม่เป็นคู่กับอีกคนหนึ่ง เราจะมีปัญหากับคนปัจจุบัน

ตอบ : อ๋อ...ของเราเองเกิดมาก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเจอแต่คนเดิมตลอดไปหรอกจ้ะ เพราะว่าเราเกิดมาหลายชาติ แต่ละชาติถ้าทำความดีความชั่วไม่ได้เสมอกัน ก็จะต้องมีว่าเราเกิดบ้างเขาเกิดบ้างสลับกันไป ช่วงที่ไม่ได้เกิดพร้อมกันก็ไปเจอคนอื่น ถ้าเกิดพร้อมกันแต่ว่าเจอคนที่เกิดมากกว่าเราก็จะไปกับคนที่เกิดด้วยกัน มากกว่า บางชาติคนที่เราเกิดร่วมกันไม่ได้โผล่มาสักคนหนึ่งเลย ก็จะไปเจอที่เกื้อกูลกันในปัจจุบันชาตินั้นขึ้นมาอีก ดังนั้นก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น เราจะสังเกตอารมณ์ใจตัวเราเองว่า บางทีเราเองแต่งงานกับคนนี้แท้ๆ แต่พอไปเจอกับอีกคนหนึ่ง ทำไมรู้สึกรักรู้สึกชอบเขาเหมือนกัน นั่นก็อาจจะเคยติดตามกันมา แต่ว่าเราต้องอยู่ในขอบเขตของศีลของธรรม

เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามถ้าอยู่ในเขตของศีลของธรรม เราจะอธิษฐานอย่างไร เราจะยกเลิกอย่างไรก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยอย่าให้ศีล ๕ ขาด คำอธิษฐานมีผลแต่เพียงว่า ถ้าหากว่าเรายกเลิกแล้ว อธิษฐานใหม่ ก็จะเป็นไปตามของใหม่

ถาม : ยกเลิกได้ใช่ไหมเจ้าคะ ?

ตอบ : ได้จ้ะ แค่เปลี่ยนความตั้งใจเท่านั้นเอง นี่เหมือนอย่างกับนอกตำราเลย จริงๆ ไม่ใช่นอกตำรานะจ๊ะ คำอธิษฐานเปลี่ยนกันได้ ขอเพียงความตั้งใจของเราให้ตั้งมั่นจริงๆ เท่านั้น

ถาม : คำอธิษฐานนี่ข้ามชาติได้ ?

ตอบ : จ้ะให้ผลข้ามชาติเยอะเลย

ถาม : แล้วอย่างที่แบบว่าชาตินี้เขาเคยเป็นบิดามารดาและลูกอย่างนี้ พอชาติถัดไปเขาก็เปลี่ยนความสัมพันธ์ แล้วเวลาเราจะ...อย่างไร ?

ตอบ : กรรมที่เนื่องกันไปเนื่องกันมา แต่ละคนมันสามารถเปลี่ยนสัมพันธ์เปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนไปได้อยู่ตลอด ชาตินี้คนเขาเป็นพ่อเป็นแม่เรา ชาติต่อไปอาจจะเกิดมาเป็นลูกเราหรือคนใช้เราก็ได้ ชาตินี้เป็นสามีเราชาติต่อไปอาจจะเป็นพ่อเราก็ได้

ถาม : ถ้าสมมุติว่า คนที่เขาเคยเกิดเป็นพ่อเราแล้ว มาเกิดเป็นลูกเรานี่ เราจะทำอย่างไรกับเขาคะ ?

ตอบ :ทำหน้าที่ของเราตอนนั้นให้ดีที่สุด อย่างเช่นว่าเราเป็นแม่ เราก็ทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด นับในปัจจุบันอย่าไปคิดเอาอดีต ถ้าหากว่าคิดเอาอดีตนี่จะยุ่งมากเลย

ถาม : ...(ไม่ชัด)...

ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติจะต้องเอาปัจจุบันเป็นใหญ่ ไม่ใช่ส่วนใหญ่ต้องใช้คำว่าทั้งหมด นักปฏิบัติทั้งหมดต้องเอาปัจจุบันเป็นใหญ่ อดีตรู้ไว้เป็นบทเรียนเท่านั้นรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็วาง เพราะว่าทุกชาติก็ทุกข์เหมือนกัน ปัจจุบันทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ต้องนึกถึง แค่นั้นก็พอ เขาเป็นพ่อแม่ก็ให้เป็นพ่อแม่ไป

ถาม : ที่พูดเมื่อครู่นี้ว่า เราทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด ทีนี้เรามีความรู้สึกว่าเราทำแล้วเราไม่ดีที่สุด

ตอบ : คำว่าดีที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะต้องรวยเท่าคุณทักษิณ ชินวัตร แต่หมายความว่าดีเต็มกำลังที่เราทำได้

ถาม : แม้กระทั่งคนอื่นมองว่าเราทำน้อย ?

ตอบ : จ้ะ นั่นแหละ คือเต็มที่ เต็มกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ ของเราแล้ว ทำได้ดีที่สุดแค่ไหนก็คือแค่นั้นของเรา

แต่ว่าคนที่มีกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ เขาเหนือกว่าเรา เขาจะทำได้ดีกว่าเรา เพราะฉะนั้น..ได้ดีที่สุดนั้นไม่มีมาตรฐานว่าต้อง ๑๐๐ เปอร์เซนต์ ไม่มี แค่เต็มกำลังของเรา ของเราเต็มที่แค่ไหนก็แค่นั้น


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=1563

แรงอธิษฐาน

 
 
แรงอธิษฐานนี้คือพลังอันยิ่งใหญ่ สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราตั้งใจปรารถนาได้อย่างจริงจัง
      2-3 เดือนมานี้ ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ยุคใหม่หลายเล่ม มีหลักสำคัญบางประการที่น่าสนใจ เช่น การกล่าวถึงอนุภาคหรือมวลสารไม่มีวันสูญหายไปไหนแต่จะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งตรงกับคำว่า อนัตตาในพุทธศาสนา ที่ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนจับต้องได้อย่างแท้จริง อีกหลักการหนึ่งคือเรื่องของความเชื่อมโยง เหมือนกับจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในสากลโลกนี้ต่างมีความเชื่อมโยงกันทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น บางทีดูเหมือนสับสนไม่เกี่ยวข้องกันแต่ก็มีการวางระบบระเบียบสัมพันธ์กันอย่างแยบยลอยู่ในตัวเช่นเดียวกับคำว่า อิทัปปัจจยตาในคำสอนของพุทธศาสนาที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกันเพราะสิ่งนี้เกิดจะเป็นปัจจัยเชื่อมโยงให้สิ่งนั้นเกิดตามไปด้วย
      นั่นคือหมายความว่า การกระทำใดๆไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี อาจจะส่งผลให้เห็นได้ทางรูปธรรมเช่น  เราเอาไม้ตีหัวเพื่อนส่งผลให้เพื่อนหัวแตกเลือดไหลอาบออกจากบาดแผล กลางกระหม่อม ขณะเดียวกันในการกระทำนั้นก็ส่งผลทางนามธรรมด้วย แรงที่ไม้ตีหัวนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานภายในใจเพื่อนคือ ความโกรธ ความตกใจงุนงงสงสัย  บางทีแค้นอยากจะเอาคืน พลังงานเหล่านี้อาจจะไม่ตอบสนองในทันทีแต่จะต้องส่งผลแน่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตามหลักที่กล่าวไว้แล้วว่า มวลสารและพลังงานไม่เคยสูญหายไปไหนนอกจากเปลี่ยนรูปกลับไปกลับมาเท่า นั้น และจากหลักแห่งความเชื่อมโยง เราอาจจะไม่ได้ถูกเพื่อนตีหัวคืนในทันทีผลลัพธ์กลับไปตอบสนองทางอ้อมซึ่งบาง ทีเราก็บอกไม่ได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับที่เราไปตีหัวเพื่อนอย่างไร แต่มั่นใจได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันครับ

      แรงอธิษฐานก็เป็นพลังงานครับ เป็นพลังงานทางใจที่คนส่วนใหญ่สัมผัสไม่ได้ ไม่เหมือนพลังงานไฟฟ้า ความร้อน แสง เสียง คลื่นแม่เหล็ก วิทยุ โทรศัพท์ ฯลฯ ซึ่งถึงแม้จะจับต้องจริงๆไม่ได้เช่นกันแต่ทุกคนยอมรับว่ามันมีจริง  แต่ก็มีบางคนสัมผัสได้นะครับว่าพลังทางใจเช่นแรงอธิษฐานนี้คือพลังอันยิ่งใหญ่ สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราตั้งใจปรารถนาได้อย่างจริงจัง ประเด็นอยู่ที่ว่าไม่ใช่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่สามารถใช้แรงอธิษฐานดลบันดาลสิ่งที่เราปรารถนาให้เป็นจริงได้ มนุษย์ทุกคนต่างก็ทำได้เช่นเดียวกันครับโดยมีเคล็ดลับบางประการในการใช้พลังทางใจนี้ได้อย่างประสบผล

      เคล็ดลับประการที่ 1 คือต้องมีศรัทธาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่เราอธิษฐานนั้นเป็นเรื่องดีงาม สร้างสรร พัฒนาเติบโต ไม่ใช่เรื่องการทำลายล้าง อาฆาต พยาบาท โกรธ เกลียดชิงชัง
      เคล็ดลับประการที่ 2 คือแรงอธิษฐานนั้นต้องตั้งต้นจากความปรารถนาที่จะ ให้ ให้ความรัก ความเมตตา ปรารถนาดีต่อตนเอง คนที่เรารัก สังคม สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราทั้งที่มีชีวิตและไร้ชีวิต
      เคล็ดลับประการที่ 3 คือต้องฝึกปฏิบัติให้คุ้นชินกับการหา "ข้อดี" ในเหตุการณ์ที่เกิดกับเราในชีวิตประจำวันให้ได้อยู่เสมอๆ  และรู้จักขอบคุณ "ข้อดี" ในเหตุการณ์นั้นๆจนเป็นนิสัย
      เคล็ดลับประการที่ 4 คือขอให้เชื่อเสียงแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเรา เสียงนั้นจะบอกว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นช่องทางนำไปสู่สิ่งที่เราอธิษฐาน หรือบางที อยู่ๆก็เกิดโอกาสขึ้นมาให้เราโดยไม่คาดฝัน ที่เราต้องทำคือรับโอกาสหรือช่องทางนั้นๆไว้ ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราแล้วครับคือ พยายาม พยายาม และพยายาม
      เคล็ดลับประการสุดท้าย คือแรงอธิษฐานจะทรงพลังอย่างใหญ่หลวงถ้าผู้อธิษฐานตั้งมั่นอยู่ในแวดวงของคุณความดีทั้งกาย วาจา ใจ  อย่างน้อยก็คิดดี ทำดี พูดดี มากกว่า คิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว ก็แล้วกันนะครับ (ข้อนี้เป็น option ดีมากก็ได้มาก ดีน้อยก็ได้น้อยครับ)
     อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการสร้างแรงอธิษฐานให้เป็นจริงได้ ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายๆท่านคงจะเคยสัมผัสปาฏิหารย์หรือคำอธิษฐานที่เป็นจริงด้วยตัวเองมาบ้างแล้ว ถ้าสมมุติว่าแรงอธิษฐานนั้นวางอยู่บนเคล็ดลับ 4 ประการที่ผมกล่าวถึง สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นก็จะเป็นคุณประโยชน์ต่อตัวท่านเองและสังคมโลกนี้อย่างกว้างขวาง มาร่วมกันอธิษฐานเถอะครับ ร่วมกันสร้างโลกและสังคมที่เราอยู่ให้ร่มเย็น มีความสุขสดใสทั่วกันทุกๆคนนะครับ

สัปดาห์แห่งการทนทุกข์

สุ ข สั น ต์ วั น อี ส เ ต อ ร์
ขอพระพรและฤทธานุภาพแห่งการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริต์เจ้า เป็นของพี่น้องทุกท่าน


ขอเชิญร่วมอธิษฐานอดอาหาร
เนื่องในสัปดาห์ที่พระเยซูทนทุกข์
วันที่ 2-7 เมษายน 2012
วัตถุประสงค์
  1. เพื่อให้ความสำคัญของเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งเป็นเทศกาลที่สำคัญมาก
  2. เพื่อสรรเสริญพระราชกิจของพระเยซูในสัปดาห์สุดท้ายก่อนถูกตรึง
  3. เพื่อนมัสการและขอบพระคุณ ที่พระเยซูทนทุกข์ทรมานเพื่อไถ่บาปเรา
  4. เพื่อใช้เวลาอธิษฐาน ให้ชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้าและให้ความเชื่อเพิ่มพูน
วิธีการอดอาหาร
  1. ใน1วัน เลือกอด1,2หรือ3มื้อ แล้วแสดงความตั้งใจโดยเขียนในใบสัญญาในคู้มือ
  2. จัดเวลาเพื่ออธิษฐานทุกวันวันละ 15นาที 30นาที 1ชั่วโมง หรือมากกว่า
  3. อยู่ในท่าทีของการอธิษฐานทั้งวัน และให้ใจจดจ่ออยู่ที่พระเยซู ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงาน  ระหว่างการเดินทาง อยู่ที่บ้านและทุกทุกที่
  4. ลดและงดกิจกรรมบางอย่างเช่น การเล่นกีฬาหนัก การดูโทรทัศน์มากเกิน การชมภาพยนตร์ การเดินช๊อปปิ้ง และสิ่งบันเทิงอื่น ฯลฯ

พระธรรมและบทความเพื่อภาวนา


วันเสาร์ที่ 7 เมษายน

พระคัมภีร์ มธ.27:57-61 มก.1542-47,ลก.23:50-56,ยน.19:38-42
วันเสาร์ บรรทมอยู่ในอุโมงค์พระเยซูของข้า   คอยอยู่จนถึงเวลาเสด็จออกมา
ตีตราอุโมงค์ป่วยการ พระเยซูของข้า              ยามเฝ้าไม่ได้ประโยชน์ พระเยซูเจ้า
ความตายไม่อาจทำลาย พระเยซูของข้า          พระองค์พิชิตความตาย พระเยซูเจ้า

“เมื่อ เชิญพระศพลงแล้ว   เขาจึงเอาผ้าป่านพันหุ้มไว้   แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์   ซึ่งเจาะไว้ในศิลาที่ยังมิได้วางศพผู้ใดเลย ”
(ลูกา23:55)
หัวข้ออธิษฐาน
  1. การฉลองอีสเตอร์ในวันพรุ่งนี้ (8 เมษายน)
  2. กิจกรรมต่างๆ ให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระจ้า ทั้งภาคเช้า-บ่าย
  3. ให้เราทุกคนสัมผัสถึงการทรงพระชนม์ของพระเยซู


วันศุกร์ที่ 6 เมษายน
พระคัมภีร์ 27.1-66,15.1-47,23.1-56,18.28-19.42
วันศุกร์ พระ เยซูถูกนำตัวไปให้ปีลาตตัดสินโทษ แต่ปีลาตไม่พบความผิด(ยน.18:23) จึงได้ส่งตัวไปให้เฮโรด  เฮโรดไม่ใส่ใจจึงได้ส่งกลับมาให้ปีลาต ปีลาตต้องการปล่อยพระเยซูแต่ฝูงชนไม่ยอม เขาต้องการให้ตรึงที่กางเขน ในที่สุดปีลาตต้องยอมให้นำพระเยซูไปตรึงที่กางเขน
พระเยซูถูกตรึงในเวลาประมาณ9โมงเช้า และในตอนเที่ยงวันนั้นได้เกิดฟ้ามืดมัวทั่วแผ่นดินจนถึงบ่าย3โมง และพระเยซูได้สิ้นพระ ชนม์ในเวลานั้น ในขณะที่พระเยซูสิ้นพระชนม์นั้นม่านในพระวิหารขาดออกจากกันตั้งแต่บนถึงล่าง เป็นสองท่อน  แผ่นดินไหวศิลาแตก
พระเยซูถูกนำไปฝังที่อุโมงค์ก่อนพระอาทิตย์ตก โดยโยเซฟชาวอาริมาเธียได้ขอพระศพจากปีลาต(มก.15:43) นิโคเดมาสได้มาช่วยด้วย(ยน.19:39) มารีย์และผู้หญิงหลายคนตามไปเห็นอุโมงค์(มก.15:47) อุโมงค์ถูกปิดอย่างดีมีตราประทับและมียามเฝ้าตลอดเพราะกลัวพระศพจะถูก ขโมย(มธ.27:62-66)
“ ครั้นประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า เอลี เอลี ลามาสะบักธานี แปลว่า พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์
ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย ”  (มัทธิว 27:46)
หัวข้ออธิษฐาน
  1. ค่ายสามัคคีธรรม CGT วันที่ 24-26 เม.ย. ที่คจ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
  2. ค่ายคริสตจักร วันที่ 11-13 สิงหาคม ที่อิงธารรีสอร์ท จ.นครนายก
  3. อธิษฐานเผื่อคริสตจักรในเครือ CGT. และผู้นำสหกิจคริสเตียน

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน

พระคัมภีร์ มธ.26:17-75,มก.14.12-72,ลก.22.7-65,ยน.13.21-18.27
วันพฤหัส เหล่า สาวกได้เตรียมห้องและอาหารสำ หรับปัสสกา เช่นย่างลูกแกะ เตรียมขนมปังไม่ใส่เชื้อ ปรุงผักรสขม มีน้ำจิ้มทำจากผลไม้แห้งคนในน้ำผสมน้ำส้ม สายชู ซึ่งชาวยิวจะรับประทานเหมือนกัน
ในตอนเย็นพระเยซูได้ร่วมโต๊ะกับเหล่าสาวก พระเยซูได้ล้างเท้าสาวกเพื่อสอนและเป็นแบบอย่างในการรับใช้ผู้อื่น พระเยซูได้ทำนายว่ายูดาสจะทรยศ เหล่าสาวกก็จะหนีกระจัดกระจายไป และเปโตรจะปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้ง
หลังจากนั้นได้ออกไปที่สวนเกทเสมนีเพื่ออธิษฐาน ในคืนนั้นทรงถูกจับพระเยซูถูกนำตัวไปไต่สวนที่บ้านของอันนาส ที่บ้านคายาฟาส และที่สภาแซน เฮสดริน 3 ครั้งติดต่อกันในเวลากลางคืน

“เพราะ ว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด   ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา”(1โครินธ์11:26)

หัวข้ออธิษฐาน
1.  ประเทศชาติ เศรษฐกิจ การเมือง ศีลธรรม
2.  คนไทยทุกคนที่จะต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
3.  ผู้คนในมามีนคอนโด  มีนบุรี ที่จะได้รู้จักกับพระเจ้า


วันพุธที่ 4 เมษายน

พระคัมภีร์ มธ.21:23-26,ยน.12.2-8
วันพุธ พระเยซูได้เข้ากรุงเยรูซาเล็มเหมือนเช่นเดิม ได้ทรงสั่งสอนในบริเวณพระวิหารเช่นทุกวัน นอกจากสอนด้วยคำอุปมาแล้ว พระเยซูยังใช้เวลาในการตอบคำถามข้อสงสัยของประชาชนที่มาฟังพระองค์ จนทุกคนพอใจ
“ เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ ปิด ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคนก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย' ฝ่ายท่านตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน' เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่   เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น ”(มัทธิว 25:11-13)



หัวข้ออธิษฐาน
1.  กลุ่มต่างๆในคริสตจักร เด็กรวี ยุวชน อนุชน สตรี บุรุษ
2.  พันธกิจศาลาธรรม 4 เขต
3.  การเรียน+การสอนพระคัมภีร์ ในภาคบ่ายของทุกวันอาทิตย์

วันอังคารที่ 3 เมษายน

พระคัมภีร์ มธ.21:23-26.16,ยน.12.2-8
วันอังคาร พระเยซูได้เสด็จจากบ้านเบธานีเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับสาวก เพื่อสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร พวกฟารีสี ธรรมมาจารย์ ปุโรหิตซึ่งเมื่อก่อนไม่ค่อยถูกกัน แต่เขาได้ร่วมกันปองร้ายพระเยซู โดยยุยงและคอยจับผิดในคำพูดและคำสอนของพระเยซู
พระเยซูได้สอนโดยคำอุปมาหลายเรื่องแก่ประชาชน และเพื่อกระทบคนที่ปองร้ายพระเยซู ทำให้คนเหล่านั้นโกรธมาก แต่ทำอะไรพระเยซูไม่ได้
พระเยซูได้ทำนายถึงการที่พระองค์จะสิ้นพระ ชนม์อย่างไรด้วย ในคืนนั้นพระเยซูเข้าพักที่บ้านของซีโมนคนโรคเรื้อน และมารีย์ได้นำน้ำหอมนารดาที่ราคาแพงมาชโลมพระเยซู

“ วิบัติแก่เจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี   คนหน้าซื่อใจคด   เพราะพวกเจ้าปิดประตูแผ่นดิoสวรรค์ไว้จากมนุษย์   พวกเจ้าเองก็ไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไปพวกเจ้าก็ขัดขวางไว้ ” (มัทธิว 23:13)
หัวข้ออธิษฐาน
  1. ครอบครัวศิษยาภิบาล ครอบครัวผู้รับใช้
  2. ครอบครัวผู้ปกครอง ครอบครัวมัคนายก ทั้ง 8 ท่าน
  3. ครอบครัวของสมาชิกคริสตจั

----------------------------------------

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน
พระคัมภีร์ มธ.21:18-22,มก.11.12-19,ลก.19.45-48,ยน.12.20-36
วันจันทร์ พระเยซูได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับเหล่าสาวก ทรงเข้าไปในบริเวณพระวิหาร ได้ทำการขับไล่ผู้ซื้อขายสินค้า คว่ำโต๊ะผู้รับแลกเงิน
พระเยซูได้ทรงสั่งสอนในพระวิหาร ทรงรักษาคนตาบอดให้มองเห็น คนง่อยให้เดินได้ และคนเจ็บป่วยอื่นๆให้หาย ผู้คนได้ร้องสรรเสริญว่า “โฮซันนาแก่ราชโอรสดาวิด” ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นของพระมาซีฮา ทำให้พวกปุโรหิตไม่พอใจและหาช่องที่จะประหารพระเยซู (มก.11:18)
ในตอนเย็นพระองค์เสด็จจากกรุงไปพักในหมู่บ้านเบธานี ซึ่งน่าจะเป็นบ้านของลาซารัสผู้ที่ตายแล้วแต่พระเยซูเรียกเขาให้ฟื้นออกจาก อุโมงค์
" พระองค์ตรัสกับเขาว่า  มีพระวจนะเขียนไว้ว่า นิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน   แต่เจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร ” (มัทธิว 21:13)


หัวข้ออธิษฐาน

  1. ขอพระจ้าทรงชำระชีวิตของเราให้บริสุทธิ์ สะอาด
  2. ให้การอดอาหารของเรา เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้รับเกียรติ
  3. ขอพระเจ้าเสริมกำลังแก่พี่น้องทุกคนที่ร่วมอดอาหารในครั้งนี้ที่จะสำเร็จ

อธิษฐานหนีกรรมได้ไหม ?




ถาม : เรามีอธิษฐานหนีกรรมได้มั้ย ?

ตอบ: อธิษฐานได้ แต่หนีไม่รอด จำไว้ว่า กรรมจะ ตามให้ผลอยู่เสมอ ยกเว้นว่าเราทำบุญอยู่ตลอด กำลังบุญที่สูงพอก็จะหนีห่างมันไปเรื่อย จนกระทั่งเราทำดีถึงที่สุด หลุดพ้นเข้านิพพาน มันก็ตามไม่ได้ อธิษฐานเป็นความตั้งใจเฉยๆ ถ้าไม่ได้ทำบุญประกอบ ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้ามีบุญประกอบตั้งใจ อธิฐานหนีกรรม กำลังบุญก็ส่งให้ได้ แต่มันได้ระยะเดียว ถ้าเผลอเมื่อไหร่กำลังบุญสิ้นสุดลง กรรมจะตามทันให้ผลอีก เพราะฉะนั้นต้องทำบุญให้สม่ำเสมอ

ถาม : ถ้าเราไม่มีเวลาทำบุญ แล้วเอากระปุกที่เป็นบาตรวางไว้หน้า...?

ตอบ: เหลือเฟือเลย ตั้งใจเป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน บุญใหญ่มโหฬารเลย

ถาม : ตั้งใจ ณ ตรงนั้นได้เลยใช่มั้ย ?

ตอบ: ได้เลย แค่คิดจะทำก็เป็นบุญแล้ว ลงมือทำไปบุญนั้นสำเร็จแล้ว แต่ถ้าเราตายก่อน ไม่ได้เอาไปถวายพระ พระขาดทุน (หัวเราะ) มันเล่นรับบุญไปแล้ว



สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

คำอธิษฐาน


ข้าพเจ้า ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ขออานุภาพแห่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว จงเป็นพลวะปัจจัยเป็นนิสัยตามส่งให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญ และเกิดปัญญาญาณ ทั้งชาตินี้ชาติหน้า ตลอดชาติอย่างยิ่ง จนถึงความพ้นทุกข์ คือ พระนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ.


คำอธิษฐาน (อีกแบบหนึ่ง)

๑. พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
ไฟ ในร่างกายของข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว) ขอถวายแด่พระพุทธเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน ศัตรู มาร กรรม เวร อย่ามีมาผจญ เดชะพระกุศลจงมาบังเกิดสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลให้เจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สินมหาศาล เป็นทานธารณะ ทำความสำเร็จกิจที่ตั้งใจมหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

๒. ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
ลม ที่ข้าพเจ้าหายใจเข้าออก ทรงไว้ซึ่งกาย (บอกชื่อตัว) ขอถวายแด่พระธรรมเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน ทุกข์ วิตก เศร้าหมอง อย่ามีมาผจญ เดชะพระกุศล จงมาบังเกิดสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ให้เจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สินมหาศาลเป็นทานธารณะ ทำการงานสำเร็จ มหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

๓. สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
อนาคต ปัจจุบันของข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว) ขอถวายต่อพระสังฆเจ้า พระอริยสังฆเจ้า เข้าถึงพระนิพพาน บาปทั้งหลาย กรรมทั้งหลาย เวรทั้งหลาย ศัตรูทั้งหลาย อย่ามีมาผจญ เดชะพระกุศล จงมาบังเกิด สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลตั้งแต่วันนี้ให้เจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สินมหาศาล เป็นทานธารณะ ตั้งใจทำอันใด ให้สมปรารถนามหัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง

๔. อุกาสะ อุกาสะ
ข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว) ขออัญเชิญเทพยดาทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่มีจริงถึงสิบหกชั้นฟ้าสุราลัย ตลอดจนกระทั่งภูเขาเลากาภูมิสถาน วัดวาอาราม ที่อยู่ของข้าพเจ้า ล้วนคนดีมีวิเศษมาประจำ ปกปักพิทักษ์รักษาโพยภัยอันตรายใดๆ ภายนอกภายในขอบขัณฑะสันดานของข้าพเจ้า (บอกชื่อตัว) ปรารถนางาน เงิน เกียรติยศชื่อเสียงอันหนึ่งอันใดที่ข้าพเจ้าต้องการ สิ่งนั้นๆ อย่าขัดข้องในใจ ให้สมความปรารถนาทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกประการ ตั้งแต่วันนี้ สุโข โหมิ